ปัญหา “เพื่อน บ้าน ตัวร้าย” เป็นปัญหาที่ใครหลายคนกำลังเผชิญอยู่ แล้วรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อและน่าเอือมระอาเป็นที่สุด ลำพังแค่การแอบซุบซิบนินทา บ้าน นั้นบ้านนี้ก็น่ารำคาญแล้ว แต่บ่อยครั้งที่เป้าหมายกลับเป็นคนในบ้านของเราเอง เช่น “เมื่อวันก่อนนะ ฉันเห็นมีรถหรูมาส่งลูกสาวเธอที่มุมนั้นด้วยแหละ แล้วลูกเธอค่อยเดินกลับเข้าบ้าน” หรือ “หลานเธอเรียนไม่ได้เรื่องแบบนี้ พ่อแม่เด็กไม่ทำอะไรเลยเหรอ” นั่นไง! มันไม่ใช่แค่เมาท์มอยเพื่อสนุกปากแล้ว เพราะมันเป็นต้นเหตุให้เกิดความร้าวฉานของคนในบ้านด้วย!

จริง ๆ แล้ว มันไม่ควรจะเกิดความร้าวฉาวระหว่างคนในบ้านเดียวกัน โดยมีสาเหตุมาจากคนอื่นที่เป็นเพียงแค่คนข้างบ้านเลย ด้วยเหตุที่บ่อยครั้งที่คนในบ้านเราก็เออออตามเขาไป จากนั้นก็เริ่มมาเปิดประเด็นกับคนในบ้าน หลายอาจแค่ถาม แต่หลายคนก็มีธงในใจ อคติกับคนในบ้านไปแล้ว เพราะเชื่อเรื่องเป็นตุเป็นตะจากคนนอกบ้าน แบบนี้ไม่ดีเลย เป็นเรื่องที่แย่มาก

นี่อาจจะเข้าทำนองเหมือนแคปชันที่เคยไวรัลในโลกออนไลน์ว่า “พ่อแม่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรามากหรอก แต่ป้าข้างบ้านจะคาดหวังกับเราเสมอ” นั่นสิ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจชีวิตของสมาชิกในบ้านของคนอื่นมากเกินไปแล้ว!

คนข้างบ้านคือคนอื่น อย่าให้ความสำคัญเท่าคนในบ้าน

ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ก็มีญาติผู้ใหญ่หลายบ้านเลยนะ ที่เชื่อคนนอกบ้านมากกว่าคนในบ้าน แน่นอนว่านี่แหละคือปัญหา พอเป็นแบบนี้ ถึงเราจะเป็นลูกหลาน โอกาสที่พูดอะไรไปแล้วญาติผู้ใหญ่ในบ้านจะเชื่อหรือฟังนั้นน้อยนิดเหลือเกิน แม้ว่าความเป็นไปได้จะน้อย ก็พยายามย้ำกับคนในบ้านเสมอว่าคนเหล่านั้นคือคนนอก แต่ที่อยู่ด้วยกันใต้ชายคานี้ต่างหากคือคนในครอบครัว เพราะฉะนั้น อย่าให้ความสำคัญกับคนอื่น คนนอก มากกว่าคนในบ้านหรือสายเลือดเดียวกัน (จะได้ไหม?) แลกกับการที่เราก็หันมาเอาใจใส่คนในบ้านให้มากขึ้น เขาจะได้ไม่ว่างไปคุยกับข้างบ้านเท่าไรนัก

ห้ามเขาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่เราไม่ฟังได้

ออกแนวปลงเสียแล้วสิแบบนี้ ก็นะ เราไปห้ามใครไม่ให้เขานินทาเราไม่ได้นี่ถูกไหม หรือบางทีก็อาจจะขยันวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตเรามากไปหน่อย เช่น เราทำงานได้เงินเดือนเท่าไร ถ้าคนข้างบ้านรู้ ก็จะขิงข่าลูกหลานตัวเอง หรือแนะนำนู่นนี่นั่นให้เรามีเงินเดือนสูงขึ้นเสมอ เราเองไม่เท่าไร แต่ถ้าคนในบ้านได้ยินมาอาจจะมาเร้าหรือกับเราก็ได้ ดังนั้น ง่าย ๆ คือ ถ้าเป็นการวิจารณ์แบบติเพื่อก่อ ถึงจะไม่สบอารมณ์ ก็ควรรับเพื่อปรับปรุง ถ้าเยินยอเพื่อทำลาย ก็แค่ยิ้มขอบคุณแล้วลืมไปซะ! แต่ถ้าจงใจทำลายแน่ ๆ ก็ไม่ต้องฟังเลย เวลาเรามีค่าและมีจำกัด อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่มีประโยชน์

ฟังหูไว้หู แต่ไม่ต้องเชื่อไปเสียทุกอย่าง

เรื่องที่แปลกแต่จริงจากคนข้างบ้านคืออะไรรู้ไหม คือ สิ่งที่เขานำไปเมาท์หรือพูดคุยกับคนในบ้านเราเนี่ย มันมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่ใส่สีเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มอรรถรสและความมันในอารมณ์ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ กรณี ข้อเท็จจริงมันจะน้อยมาก ๆ ก็ตาม ฉะนั้น คนข้างบ้านพูดอะไรให้ได้ยินมา ก็รับฟังแบบหูไว้หู แต่ไม่หูเบา ไม่ต้องเชื่อทุกอย่าง มองว่าเขาคือแหล่งข่าวที่ไม่ได้กรอง อะไรที่ไร้สาระ เป็นแค่เรื่องนินทาเอาสนุกปากก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป แต่ถ้าเรื่องไหนดูมีมูล มีอะไรที่สงสัยก็เริ่มต้นหาคำตอบเองบ้างก็ดี เราก็น่าจะมีวิจารณญาณในการแยกแยะอยู่นะ

คำนินทาก็คือคำนินทา

“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ” บ่อยครั้งเหลือเกินที่คนข้างบ้านมักจะมีเรื่องไม่สร้างสรรค์ มาปลุกความหัวร้อนและกระตุ้นน้ำโหเราได้เสมอ เวลาที่มาคุยกับคนในบ้านเรา ถ้าคนนั้นมักจะมีแต่คำซุบซิบนินทา หาสาระไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นเสียงนกเสียงกาไป ให้คำนินทาเป็นแค่คำนินทา ไม่ต้องใส่ใจกับคนประเภทนี้มาก พร้อมทั้งเตือนคนอื่น ๆ ในบ้านด้วยว่าคำพูดจากปากคนนี้เป็นคำพูดประเภทไหน น่าเชื่อถือหรือเปล่า ฟังเอาสนุกก็ฟังไปไม่ต้องเก็บมาคิดมาก และอย่าเก็บคำพูดเหล่านั้นมาบ่อนทำลายคนในบ้าน ไม่ต้องให้ค่าคำนินทาจากปากคนอื่นมากขนาดที่จะไม่เชื่อใจคนในบ้าน

ถ้าเหลืออดจริง ๆ ก็ตอบโต้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบผู้ดี

ถ้าปัญหามันไม่เคยจบ แล้วเราก็อดทนจนเต็มกลืนกับการตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเสีย ๆ หาย ๆ หรือต้องทะเลาะกับคนในบ้านเพราะคนข้างบ้านเป็นตัวเสี้ยมอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าการอดทนอยู่เฉย ๆ หรือปล่อยผ่านเรื่อย ๆ คงไม่ใช่ทางออก อาจถึงเวลาที่เราต้องตอบโต้อะไรบางอย่างเพื่อให้เขารู้ว่าความอดทนเรามีจำกัด และเราก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่เฉย ๆ ตลอดไป แต่การโต้ตอบควรเป็นไปแบบปัญญาชน ไม่ใช่การใช้กำลัง ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ หรือใส่สีตีไข่อะไรแบบวิธีที่เขาทำ หาวิธีที่เราเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่ามาต่อรองดูก็ได้ น่าจะทำให้สงบปากสงบคำไปได้พักใหญ่เลย