ก่อนหน้านี้หลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกับคุณเจมส์-ปทาน อุ้มมีเพชร หรือเจมส์500 หนึ่งในสมาชิกของFEDFE Boyband ก่อนจะผันตัวมาทำอาชีพเกษตรกร เริ่มจากเป็นคนชอบต้นไม้ จากนั้นจึงศึกษาหาข้อมูล เรียนรู้ ทดลอง และลงมือทำ จนเกิดเป็น James500 Organic Farm Style ฟาร์มผักและคาเฟ่เล็กๆ ในย่านรามคำแหงที่พร้อมจะส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากปลูกผักทำสวนของตนเองบ้าง

เริ่มต้นจากแพสชันเป็นคนชอบต้นไม้ หลังออกจากงานประจำก็คิดว่าจะไปทำอาชีพอะไรดี เราเป็นคนชอบต้นไม้และมีประโยคหนึ่งที่เขาบอกว่าถ้าจะเริ่มทำอะไรให้เริ่มจากแพสชันที่เรามี เลยมาคิดว่าถ้าอย่างนั้นมีอาชีพอะไรที่เกี่ยวกับต้นไม้บ้าง เช่น ไปรับต้นไม้มาขาย ออกแบบสวน หรือเป็นเกษตรกร ในใจเราอยากทำอะไรที่นิ่งๆ ดูบ้าง ไม่ต้องทำงานที่เร่งรีบเหมือนก่อนนี้ เคยมีโอกาสได้ดูคลิปวิดีโอของ “พี่โจน จันได”, “พี่จอน นอนไร่” เป็นเกษตรกรที่มีความสุขกับการปลูกผัก ปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของตัวเองจึงคิดว่าอาชีพนี้ก็น่าสนใจ

เรียนรู้และหาข้อมูลเพิ่มเติม เราไปลองเรียนรู้ หาข้อมูล ลงคอร์สเรียนต่างๆ อย่างเรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข บันได 9 ขั้นสู่ความยั่งยืน และไปเจอแนวคิด “ปลูกเองกินเองก่อนเพื่อลดรายจ่าย พออยู่พอมีพอใช้แล้วค่อยทำธุรกิจ สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกสนใจคือบอกให้เรามีความสุขก่อนที่จะคิดเรื่องรายได้ ขั้นแรกปลูกกินเองก่อนเพื่อลดรายจ่าย แปลว่าเราจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น พอกลับมาดูที่ บ้าน ปรากฏว่าไม่มีอะไรกินได้เลย มีแต่ต้นเฟิร์นกับกระบองเพชร จึงเริ่มปลูกผักที่ไว้กินกับน้ำพริก ผักสลัด จากที่ต้องไปซื้อในห้างครั้งหนึ่งก็ 100-200 บาท แต่มีเก็บกินจากข้างบ้านได้เลย พอมีเยอะก็แบ่งให้เพื่อนๆ ไปกิน เราก็รู้สึกมีความสุขจริงๆ

เปลี่ยนพื้นที่ข้างบ้านให้เป็นสวนเล็กๆ หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือทำ สนใจอยากทำอาชีพเกษตรกร ไปหาความรู้เพิ่มเติมว่าจะทำรูปแบบไหน ทำที่ไหน อย่างไร ตอนแรกก็มีความคิดว่าอยากไปอยู่ต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่ด้วยเราอยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด เราถามตัวเองว่าถ้าต้องไปอยู่เป็นปีหรือตลอดชีวิตจะชอบจริงๆ หรือเปล่า สุดท้ายเลยตัดสินใจใช้พื้นที่ข้างบ้านแล้วแบ่งสัดส่วน ออกแบบเป็นโซนต่างๆ จากปลูกเองกินเองก่อนก็ขยับขยายกลายเป็น James500 Organic Farm Style

แบ่งสัดส่วนเป็นโซนต่างๆ เริ่มจากทางเข้าเราอยากให้คนเข้ามาแล้วรู้สึกเย็นสบาย ออกแบบเป็น Tropical Garden มีต้นไม้ใหญ่ มีเฟิร์น และพืชเมืองร้อน ถัดไปเป็นโซนต้นกระบองเพชรที่เราปลูกไว้อยู่แล้ว มียูฟอร์เบีย ไม้หนาม ไม้ไม่มีใบแต่ฟอร์มของต้นสวย ส่วนด้านหลังเราอยากให้รู้สึกเหมือนเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปพักผ่อน มีกระท่อมเล็กๆ ไว้นอนเปิดพัดลม อ่านหนังสือ ทำงาน นอนเล่น ให้คนได้มาซึมซับบรรยากาศแบบชนบท พื้นที่รอบๆ กระท่อมเราจึงปลูกผักพื้นบ้านและผักที่กินกับน้ำพริกไว้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโซนที่มีกลิ่นอายของทะเล ฮาวาย แล้วนำต้นมะพร้าวมาลงปลูกไว้ในโซนนี้ ข้างบ้านส่วนใหญ่จะปลูกเป็นไม้ดอกเพราะมีแสงสว่างเพียงพอ

ปลูกที่ชอบกิน กินที่ชอบปลูก ปลูกที่เหมาะกับกิจวัตรประจำวัน เราเลือกปลูกผักที่ชอบกินและกินที่ชอบปลูก คือโดยส่วนตัวผมชอบกินน้ำพริกเลยเลือกปลูกพวกพริก มะนาว มะเขือเปราะ แตงกวา ถั่วพู ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ผักสลัด แต่หลังจากที่เราเริ่มมาทำร้าน มีคาเฟ่ นอกจากปลูกผักแล้วเรายังต้องดูแลส่วนอื่นๆ เช่น บริหารจัดการวัตถุดิบที่ใช้สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม บริหารจัดการพนักงานและการเงิน ออกแบบตกแต่ง และมีอีกหลายส่วนที่ต้องทำจนเราไม่มีเวลามากพอที่จะปลูกผักให้อร่อย ให้ดีได้ทุกอย่าง

ผักบางชนิดต้องรดน้ำเช้ากับเย็น บางต้นรดแค่เช้าอย่างเดียวหรือ 2 วันครั้ง ผักบางชนิดรดบ้างไม่รดบ้างก็งอกดี เราจึงต้องยกระดับจากปลูกที่ชอบกินเป็นเลือกปลูกอะไรที่เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันของเรา และสิ่งที่ต้องปลูกเพื่อใช้ในฟาร์มสำหรับอาหารเครื่องดื่มในร้าน อย่างใบมินต์ที่ไว้ตกแต่ง

เช่น เลือกปลูกเป็นผักเด็ดยอด เพราะปลูกครั้งเดียวเก็บกินได้หลายครั้ง ถ้าปลูกผักสลัดโต 45 วันแล้วเราก็ต้องปลูกใหม่ หรือถ้าอยากมีกินเรื่อยๆ ก็ต้องแบ่งปลูกใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เราอาจจะปลูกเป็นผักหมุนเวียน วันนี้กินชะอม อีกวันกินผักเป็ดญี่ปุ่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ต้นอ่อนทานตะวัน ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปรับใช้และเลือกปลูกให้ตรงกับความต้องการหรือลักษณะพื้นที่ในบ้านตัวเองได้ เพียงแต่ต้องดูว่าต้นไม้ ผัก และดอกไม้แต่ละชนิดต้องการแสงและการดูแลแบบไหนเท่านั้นเอง